น้ำมันถ่ายเทความร้อน (Heat Transfer Oil) เรื่องสำคัญที่คนทำงานอุตสาหกรรมต้องรู้

น้ำมันถ่ายเทความร้อน (Heat Transfer Oil) คืออะไร?

• ใช้ได้ทั้งในระบบ Heating และ Cooling
• ควบคุมอุณหภูมิได้แม่นยำกว่า
• ทนทานกว่าน้ำหรือไอน้ำ เพราะไม่เกิดการเดือด/กลายเป็นไอที่อุณหภูมิปกติ

เครื่องจักรและอุตสาหกรรมที่เหมาะกับการใช้น้ำมันถ่ายเทความร้อน

• อุตสาหกรรมเคมีและปิโตรเคมี : ใช้ใน Jacketed Vessel, Reactor, Heat Exchanger
• อุตสาหกรรมพลาสติก : เครื่องฉีดพลาสติก, Extruder, Roller ที่ต้องควบคุมความร้อน
• อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม : Fryer, เครื่องนึ่ง, เตาอบ ที่ต้องการความร้อนคงที่
• อุตสาหกรรมสิ่งทอและกระดาษ : ระบบอบแห้ง, Drum Dryer
• อุตสาหกรรมพลังงาน : Solar Thermal, Boiler Oil Heater
• โรงงานผลิตยาง : Hot Press, Vulcanization Process

คุณสมบัติสำคัญที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อ Heat Transfer Oil

1. ช่วงอุณหภูมิการทำงาน (Operating Temperature Range)
• ต้องเลือกชนิดที่ทนต่ออุณหภูมิสูงสุดที่เครื่องจักรใช้งาน
• น้ำมันบางเกรดเน้น High Temperature (สูงถึง 300°C+)
• บางเกรดเหมาะกับ Low/Medium Temperature
2. ค่าการนำความร้อนและความหนืด (Thermal Conductivity & Viscosity)
• น้ำมันควรมีค่าการนำความร้อนสูง เพื่อถ่ายเทความร้อนได้รวดเร็ว
• ความหนืดต่ำ ทำให้ไหลเวียนง่าย ลดภาระปั๊ม
3. ความเสถียรทางความร้อนและออกซิเดชัน (Thermal & Oxidation Stability)
• น้ำมันที่เสถียรจะไม่แตกตัวเป็นกรดหรือยางเหนียวเมื่อเจอความร้อนสูง
• ลดโอกาสการเกิดคราบเขม่าและตะกอนอุดตันในท่อ
4. จุดวาบไฟ (Flash Point) และความปลอดภัย
• จุดวาบไฟสูงช่วยลดความเสี่ยงในการติดไฟ
• ควรเลือกชนิดที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยสากล
5. อายุการใช้งาน (Service Life)
• น้ำมันคุณภาพสูงจะใช้งานได้ยาวนาน ลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนถ่ายและบำรุงรักษา
6. การรองรับมาตรฐาน (Compliance & Certification)
• เช่น FDA Approved, NSF-H1 สำหรับอุตสาหกรรมอาหารและยา
• ISO, ASTM สำหรับอุตสาหกรรมทั่วไป

เคล็ดลับการดูแลระบบ Heat Transfer Oil ให้ใช้งานได้นาน

• ตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเป็นประจำ (เช่น ค่าความหนืด, ค่ากรด TAN, คาร์บอนรีไซเคิล)
• ใช้ระบบกรองเพื่อป้องกันคราบเขม่าและสิ่งสกปรก
• เลือกท่อและปั๊มที่เหมาะสมกับการใช้น้ำมันชนิดนี้
• ระวังไม่ให้น้ำหรืออากาศเข้าไปในระบบ เพราะจะเร่งการเสื่อมสภาพของน้ำมัน